บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2017

การเขียนข้อสอบวัดด้านความรู้ – ความจำ (Knowledge)

การเขียนข้อสอบวัดความรู้ คือการวัดสมรรถภาพสมองด้านการระลึกได้จากเรืองราวที่เคยเรียนมา เคยมีประสบการณ์มา หรือเคยรู้เห็นมาก่อน คำถามประเภทวัดความรู้ –ความจำ แบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ 1.1 ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง 1.2 ความรู้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ

ความรู้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ

1.2 ความรู้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ เป็นการถามเกี่ยวกับวิธีประพฤติปฏิบัติในวิธีดำเนินการของเรื่องราวทั้งปวง แบ่งออกเป็น  1.2.1 ความรู้เกี่ยวกับระเบียบแบบแผน เป็นความรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ที่นิยมปฏิบัติ รวมทั้งแบบแผนแบบฟอร์มต่างๆ มีรูปแบบในการเขียนคำถาม 2 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 ถามแบบแผนแบบฟอร์ม เป็นการถามแบบแผนแบบฟอร์มที่ต้องปฏิบัติ เช่น แบบแผนของการอ่านร้อยแก้วร้อยกรอง ตัวอย่าง 1. คำประพันธ์ประเภทสดุดี และยอพระเกียรติ นิยมแต่งด้วยร้องกรองชนิดใด 1. โคลง          2. ฉันท์ 3. กาพย์              4. กลอน6         5. กลอน8 2. ถ้าจะส่งจดหมายถึงลุงชาลี ควรจ่าหน้าซองอย่างไร 1.ส่งคุณลุง  2. ส่งคุณชาลี 3. ส่งคุณลุงชาลี   4. ส่งท่านชาลี 5. ส่งท่านลุงชาลี 3. ในบัตรเชิญงานเลี้ยงฉลองสมรสควรแจ้งสิ่งใด 1. วัน เวลา        2. จำนวนแขก 3. จำนวนอาหาร  4.รายนามที่เชิญ  5. เวลากล่าวคำปราศรัย แบบที่ 2 ถามธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม เป็นการถามแบบอย่างของ...

ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง

1.1 ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง สร้างคำถามได้ 2 แบบ คือ 1.1.1 คำถามเกี่ยวกับศัพท์และนิยาม  ได้แก่การถามความหมายของคำหรอกลุ่มคำ ซึ่งต้องอาศัยความจำ ผู้เรียนวิชาภาษาไทยจะต้องจดจำความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย สามารถให้นิยาม หรือบอกความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ รูปแบบการเขียนคำถามศัพท์และนิยาม แบบที่ 1 ถามชื่อ เป็นการเขียนคำถามเพื่อถามชื่อของบุคคล สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ชื่อหนังสือ บทความ ต่าง ๆ ตัวอย่าง 1. “สยามมานุสติ” เป็นชื่อของอะไร 1. หนังสือ 2. ประเทศ 3.คำโคลง 4. กษัตริย์ 5. ชื่อเพลง 3. จดหมายที่ไม่มีชื่อผู้ส่งเรียกว่าอะไร 1. บัตรเชิญ 2. ส.ค.ส. 3. นามบัตร 4. จดหมายราชการ 5. บัตรสนเทห์ 4. แสตมป์ของจดหมายมีชื่อเรื่องที่ถูกต้องว่า 1. บัตรแสตมป์ 2. ไปรษณียบัตร 3. อากรแสตมป์ 4. ไปรษณียากร 5. แสตมป์ไปรษณี 5. เรื่อง “ราชาธิราช” เป็นพงศาวดารของชาติใด 1. ไทย 2. พม่า 3. มอญ 4. เขมร 5. ลาว ...

การขยายความ

การขยายความ เป็นการขยายความกว้างไกลออกไปจากข้อมูลที่มีอยู่อย่างมีเหตุผล  ในการเขียนคำถามแบบขยายความจะต้องมีข้อมูลหรือแนวโน้มเพียงพอ  จนผู้ตอบสามารถเอาข้อเท็จจริงเหล่านั้นมาขยายความได้อย่างสมเหตุสมผล  เช่น  สามารถจินตนาการ พยากรณ์ หรืออนุมาน  จากเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่มีอยู่ได้ ตัวอย่าง อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม       “ เขามายืนรอรถเมล์อยู่นานแล้ว แต่ไม่สามารถขึ้นรถได้  เพราะความแออัดยัดเยียดของคน วันนี้เขาจะได้ไปทำงานไหมนี่ ! วันลาหยุดเขาก็ไม่มีอีกแล้ว ”      1.เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ใด          1.บนรถเมล์          2.ป้ายรถเมล์          3.บันไดรถเมล์          4.ริมฟุตบาท          5.ทางม้าลาย      2.เหตุการณ์นี้มีลักษณะดังข้อใด          1 .ชุลมุน          2.วุ่นวาย         ...

การตีความ

การตีความ  หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจความหมายส่วนประกอบในข้อความนั้น  แล้วนำมาจัดระเบียบใหม่ในการตีความนั้นจะต้องกล่าวพาดพิงถึงเรื่องราวต่างๆ มากกว่า 1 เรื่อง  โดยการเอาผลที่ได้จากการแปลหลายๆ อย่างมาสรุปเป็นข้อสรุปใหม่ที่มีลักษณะต่างไปจากการแปลผลย่อยนั้น  ในการเขียนคำถามแบบตีความนั้นสิ่งที่นำมาถาม ได้แก่ ข้อความ  ภาพ  การกระทำ  หรือเหตุการณ์ต่างๆ โดยการแปลความหมายในหลายๆแง่แล้วนำมาสรุปเป็นใจความเดียว ในการเขียนคำถามแบบตีความนั้นเขียนได้ 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ตีความหมายของเรื่อง   เป็นคำถามที่ให้นักเรียนสรุปความหมายของเรื่องราวทั้งหมดในแง่ใหม่ว่าข้อความที่ให้อ่าน  กลอนทั้งบท  หรือภาพทั้งหมด  มีลักษณะทั่วไปอย่างไร  มีความหมายอย่างไร ตัวอย่าง อ่านบทประพันธ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 1 ถึง 2        อันเพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย     ยังดีกว่าเพื่อนร้อยคอยอิจฉา     มีเกลือก้อนหนึ่งน้อยด้อยราคา     ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล       1.กลอนนี้มีความหมายเ...

การแปลความ

การแปลความ   เป็นการวัดความสามารถในการแปลความหมายของสิ่งต่างๆ  เช่น แปลความหมายของคำ  ข้อความหรือภาพ ตามเรื่องนั้นได้อย่างถูกต้อง  แต่ไม่ใช่แปลคำนั้นตรงๆ ตามคำแปลในพจนานุกรม  แต่จะต้องแปลออกมาเป็นภาษาใหม่ให้ถูกต้อง  แต่ต้องคงความจริง  ความถูกต้อง  ตามเรื่องเดิมไว้  วิธีเขียนคำถามการแปลความอาจเขียนในรูปของคำถาม  ดังต่อไปนี้ -ถามให้แปลความหมายของคำ   ภาพ   สูตร   กฏ   กราฟ   หรือสัญลักษณ์ -ถามให้แปลความหมายของกลุ่มคำ  ประโยค  หรือข้อความ -ถามให้ยกตัวอย่างคำหรือข้อความนั้น -ถามให้เปรียบเปรย  ยกเอาคำสุภาษิตเป็นเชิงเปรียบเทียบ -ถามให้แปลความหมายพฤติกรรมต่างๆ -ถามให้แปลถอดจากความจากคำประพันธ์เป็นร้อยแก้ว  หรือแบบความเรียง -แปลถอดความจากภาษาหนึ่งไปสู่ภาษาหนึ่ง ตัวอย่าง 1.คำใดที่แสดงถึงความสงสาร    1.โธ่เอ๋ย !    2.อุ๊ยตาย !    3.ต๊ายตาย !    4.ตายแล้ว !    5.ว๊ายตาย ! 2.เขาเคยเป็นเสือแต่ตอนนี้ถอดเขี้ยวเล็บแล้ว คำว่า...

การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก

การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก เป็นการประเมินเรื่องราวโดยอ้างเกณฑ์จากภายนอกมาวินิจฉัย เช่น ค่านิยม คุณธรรม หรือเกณฑ์ต่างๆ ที่สังคมยอมรับ มาวินิจฉัยตีราคา การเลือกเรื่องที่จะให้ประเมินกับเกณฑ์ที่นำมาใช้จะต้องเหมาะสม เป็นพวกเดียวกัน เป็นเกณฑ์ที่สังคมยอมรับ การเขียนคำถามนี้มี 3 แบบ      แบบที่ 1 ให้ประเมินโดยสรุป ตามเกณฑ์ภายนอกที่กำหนดให้ เป็นเกณฑ์ให้ เพื่อให้ประเมินความเหมะสมของเรื่อง       ตัวอย่าง - การที่นางรจนาเลือกเจ้าเงาะ เป็นการละเมิดแบบแผนไทยเดิมหรือไม่ เพราะเหตุใด - ถ้ายึดหลักประชาธิปไตย การที่นางรจนาเลือกเจ้าเงาะ ถือว่าเป็นความผิดหรือไม่ เพราะเหตุใด - ถ้ายึดสิ่งนี้เป็นหลักจะต้องชี้ขาดเรื่องนั้นว่าอย่างไร - เรื่องราวนี้เชื่อถือได้ เพราะเหตุใด       แบบที่ 2 ให้ประเมินโดยเปรียบเทียบ เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบระหว่างของสองสิ่ง หรือมากกว่า ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน ให้เปรียบเทียบว่า สิ่งหนึ่งดีกว่าอีกสิ่งหนึ่งในแง่ใด ลักษณะใด และเพราะเหตุใด       ตัวอย่าง - รจนาดีกว่าสีดาในด้านใ...

การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายใน

การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายใน เป็นการถามให้ผู้ตอบวินิจฉัยเรื่องราว โดยใช้เนื้อหาของเรื่องราวนั้นเองเป็นเกณฑ์ โดยถามถึงความเหมาะสม ความถูกต้อง ความสมเหตุสมผล วิธีเขียนคำถามแบ่งได้เป็น 3 แบบ       แบบที่ 1 ให้ประเมินความถูกต้อง เที่ยงตรงของเรื่อง วิธีตั้งคำถามชนิดนี้ ทำได้โดยการให้คำตอบวินิจฉัยว่าการกระทำหรือเรื่องราวนั้นถูกหรือผิด ควรหรือไม่ควร เหมาะหรือไม่เหมาะ เป็นต้น เช่น ยกโคลง กลอน ข้อความ มาให้นักเรียนประเมินตีราคาในแง่มุมต่างๆ       ตัวอย่าง - กลอนนี้จะถูกต้องมาก หรือใช้ได้ดีที่สุดเมื่อใด - บทประพันธ์นี้มีความเด่น  - ด้อยที่เห็นชัดเจนที่สุดในด้านใด - เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด - สามารถพิสูจน์คำพูดนั้นได้หรือไม่       - มีความถูกต้อง เที่ยงตรงเพียงใด      - สอดคล้องกับเกณฑ์และมาตรฐานของเรื่องนั้นหรือไม่      - ใช้ถ้อยคำและลีลาสม่ำเสมอตลอดเรื่องหรือไม่      - ความตอนต้นกับตอนท้ายของเรื่องนั้นสอดคล้องหรือขัดแย้งกัน      - บุคลิกของตั...

สังเคราะห์ความสัมพันธ์

สังเคราะห์ความสัมพันธ์ เป็นความสามารถในการนำเอาความสำคัญและหลักการต่างๆ มาผสมให้เป็นเรื่องเดียวกัน ทำให้เกิดสิ่งสำเร็จรูปใหม่ที่ความสัมพันธ์แปลกไปจากเดิม การสังเคราะห์ความสัมพันธ์จึงเป็นความคิดสร้างสรรค์ ตัวอย่าง 1. ข้อความ : คำนามเป็นประธานของประโยค   เงื่อนไข : ...............    1. เมื่อเป็นผู้กระทำ    2. เมื่อเป็นเอกพจน์    3. เมื่อมีกรรมมารับ    4. เมื่ออยู่หน้าคำกริยา    5. เมื่อนำหน้าประโยค

สังเคราะห์แผนงาน

สังเคราะห์แผนงาน เป็นความสามารถในการสร้างแผนงาน หรือวิธีการทำงาน เป็นการกำหนดแนวทาง และขั้นตอนของการปฏิบัติใดๆ ล่วงหน้า เพื่อให้การดำเนินงานชองกิจการนั้นราบรื่น บรรลุผลตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ตัวอย่าง -  ให้วางแผนการพูดในเรื่องที่กำหนดให้ -   ให้เขียนแผนงานเพื่อจัดนิทรรศการ -   ให้วางเค้าโครงการเขียนคำประพันธ์ 

สังเคราะห์ข้อความ

สังเคราะห์ข้อความ เป็นความสามารถในการนำความรู้ และประสบการณ์ มาผสมกัน เพื่อให้เกิดเป็นข้อความหรือผลิตผล หรือการกระทำใหม่ โดยการเขียน การพูด แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก ประสบการณ์ของตนผู้อื่นเข้าใจได้ การวัดความสามารถด้านนี้จึงควรไข้ข้อสอบแบบความเรียง ตัวอย่าง -   ให้นักเขียนคำประพันธ์ต่างๆ ตามหัวข้อเรื่องที่กำหนด -   เขียนคำปราศรัย สุนทรพจน์ สดุดี แถลงการณ์ โดยการสมมุติสถานการณ์ให้ -   เขียนเรียงความตามหัวข้อเรื่องที่กำหนดให้ -   จากข้อความข้างต้น ท่านเห็นด้วยกับผู้เขียนหรือไม่ เพราะเหตุใด

วิเคราะห์หลักการ

เป็นการค้นหาโครงสร้างและระบบของเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ว่าสามารถรวมกันอยู่ในสภาพเช่นนั้นได้เนื่องด้วยอะไร หรือมีสิ่งใดมาเชื่อมโยง การวิเคราะห์หลักการจะต้องเริ่มด้วยการแยกเรื่องราวเป็นส่วนย่อย เพื่อดูหน้าที่และความสำคัญ จากนั้นจึงค้นหาว่าแต่ละส่วนย่อยๆ มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างแล้วจึงสรุปหลักการของเรื่องนั้น ตัวอย่าง 1. ทำไมวรรณคดีบางเรื่องจึงใช้คำประพันธ์หลายชนิดปนกัน      1. เพื่อแสดงฝีมือของกวี  2. เพื่อเปลี่ยนรสในการอ่าน 3. เพื่อความแปลกใหม่ 4. เพื่อให้เกิดความรู้สึกขัดแย้ง 5. เพื่อให้เหมาะสมกับความแต่ละตอน  2. “ พระเวสสันดรชาดก ” ยึดถือว่าการกระทำใดเป็นเลิศ 1. ความรัก 2. การให้ทาน 3. การอดกลั้น 4. การสันโดษ 5.การประหยัด

วิเคราะห์ความสัมพันธ์

    เป็นความสามารถในการค้นหาความสัมพันธ์เกี่ยวข้องระหว่างคุณลักษณะสำคัญใดๆ ของเรื่องราว และเหตุการณ์ต่างๆ อย่างน้อย 2 เรื่อง การวิเคราะห์ความสัมพันธ์จะต้องอาศัยความสามารถในการวิเคราะห์หาความสำคัญเสียก่อนว่าเรื่องนั้นมีจุดเด่นที่ใด แล้วจึงนำจุดเหล่านั้นมาหาความสัมพันธ์ที่สมเหตุสมผลกัน ในการเขียนคำถามนั้นจะต้องให้ผู้ตอบวิเคราะห์ความสัมพันธ์ที่สมเหตุสมผลกัน หลายสิ่งที่นำมาถามนั้นจะต้องมีคุณลักษณะบางอย่างที่พาดพิงเกี่ยวเนื่องกัน ตัวอย่าง 1 . บุคคลในคู่ใดที่เกี่ยวข้องกันมากที่สุด     1. ขงเบ้ง กับ เล่าปี่        2. รจนา กับ นางเงือก      3. พระอภัยมณี กับ อุศเรน         4. พระราม กับ ภิเภก      5. ขุนช้าง กับนางวันทอง   2 . “ มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาทอย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ ” ข้อความนี้เกี่ยวกับเรื่องใดมากที่สุด      1. ความขยัน     2. ความมานะ     3. การประหยัด     4. การเสียสละ     5. ความอดทน

วิเคราะห์ความสำคัญ

4.1  วิเคราะห์ความสำคัญ เป็นการค้นหาคุณลักษณะที่เด่นชัดของเองราวในแง่มุมต่างๆ จนสามารถมองเห็นว่าส่วนใดสำคัญ ส่วนใดไม่สำคัญ ส่วนใดเป็นสาเหตุ หรือผลลัพธ์เรื่องนั้น การวิเคราะห์ความสำคัญ แบ่งรูปแบบของการเขียนคำถามเป็น 3 แบบ แบบที่ 1 ถามให้วิเคราะห์ เป็นความสามารถขั้นต้นของการวิเคราะห์เพื่อดูว่าสิ่งนั้นหรือเรื่องนั้นจัดอยู่ในประเภทใด คำถามจะต้องไม่ใช่ให้นักเรียนชี้บอกชนิดหรือประเภทของสิ่งต่างๆ โดยตรงตามหลักวิชาที่สอนไว้ แต่จะต้องให้บอกชนิดของเรื่องนั้นในแง่มุมใหม่ โดยให้จัดประเภทตามกฎเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดขึ้น ตัวอย่าง 1. “ ฉันไม่น่าทำตกเลย ตั้งใจทำมาหลายวัน ” คำพูดนี้มีลักษณะใด           1. โกรธ                2. ดีใจ           3. เสียใจ       4. ตกใจ                5. เสียตาย         2. “ เขาคงหิวน้ำมาก จึงกินเสียหมดแก้ว ” ข้อความนี้บกพร่องในเรื่องใด...