การตีความ
การตีความ หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจความหมายส่วนประกอบในข้อความนั้น แล้วนำมาจัดระเบียบใหม่ในการตีความนั้นจะต้องกล่าวพาดพิงถึงเรื่องราวต่างๆ
มากกว่า 1 เรื่อง
โดยการเอาผลที่ได้จากการแปลหลายๆ อย่างมาสรุปเป็นข้อสรุปใหม่ที่มีลักษณะต่างไปจากการแปลผลย่อยนั้น ในการเขียนคำถามแบบตีความนั้นสิ่งที่นำมาถาม ได้แก่ ข้อความ ภาพ การกระทำ
หรือเหตุการณ์ต่างๆ
โดยการแปลความหมายในหลายๆแง่แล้วนำมาสรุปเป็นใจความเดียว ในการเขียนคำถามแบบตีความนั้นเขียนได้ 2 แบบ
คือ
แบบที่ 1 ตีความหมายของเรื่อง
เป็นคำถามที่ให้นักเรียนสรุปความหมายของเรื่องราวทั้งหมดในแง่ใหม่ว่าข้อความที่ให้อ่าน กลอนทั้งบท
หรือภาพทั้งหมด
มีลักษณะทั่วไปอย่างไร
มีความหมายอย่างไร
ตัวอย่าง
อ่านบทประพันธ์ต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ
1 ถึง 2
อันเพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย
ยังดีกว่าเพื่อนร้อยคอยอิจฉา
มีเกลือก้อนหนึ่งน้อยด้อยราคา
ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล
1.กลอนนี้มีความหมายเกี่ยวกับอะไร
1.เกลือ
2.ความดี
3.เพื่อนแท้
4.ความอิจฉา
5.การขาดแคลน
2.คำประพันธ์นี้ให้คติอย่างไร
1.การผูกมิตร
2.การเลือกคบเพื่อน
3.การรู้คุณและโทษ
4.ความจริงใจต่อเพื่อน
5.ความเกี่ยวพันของสิ่งต่างๆ
แบบที่ 2 ตีความหมายของข้อเท็จจริง
เป็นการถามเพื่อให้ตีความจากสิ่งต่างๆ หรือเรื่องราวต่างๆ เช่น เรื่องในวรรณคดี โดยการอ่านข้อความที่ให้ตีความ จนจับใจความสำคัญของเรื่องได้ แล้วนำเอาจุดที่สำคัญของเรื่องมาพิจารณาว่าสามารถตีความหมายเป็นนัยอื่นๆ
ได้อย่างไรบ้าง
ตัวอย่าง
อ่านคำประพันธ์นี้แล้วตอบคำถามข้อ 1
และ 2
“แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหนือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน”
1.คำกล่าวใดมีความหมายสอดคล้องกับกลอนนี้
1.คนดีมีน้อย
2.คนชั่วใจคด
3.คบคนให้ดูหน้า
4.หน้าเนื้อใจเสือ
5.จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง
2.คำกล่าวใดมีความหมายขัดแย้งกับกลอนนี้
1.มนุษย์สุดดีอยู่ที่ปาก
2.คบคนให้ดูหน้าคบผ้าให้ดูเนื้อ
3.จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง
4.สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา
5.จะชั่วบ้างเลวบ้างก็ช่างเขา
จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น